ผู้ประกอบการจำนวนมากเล็งเห็นว่าการลงทุนในการอบรมพัฒนาบุคลากรเป็นเรื่องสำคัญมาก เช่นเดียวกับการเอาตัวรอดในสถานการณ์การระบาดของ Covid-19
โดยข้อมูลจาก Training Industry report ในปี 2018 แสดงให้เห็นว่า ในสหรัฐฯ เม็ดเงินจำนวนกว่า 87,600 ล้านดอลล่าถูกใช้ไปในการพัฒนาองค์กรในด้าน การพัฒนาบุคคล โดยมีสัดส่วนดังต่อไปนี้:
- กว่า 11,000 ล้านเหรียญ ถูกใช้ไปกับสินค้าและบริการ เช่น Linkedin Learning ฯลฯ
- ค่าใช้จ่ายจิปาถะในการพัฒนาบุคคล ยกตัวอย่างเช่น ค่าเดินทาง ค่าสถานที่ อุปกรณ์ ฯลฯ มีมูลค่าสูงถึง 29,600 ล้านเหรียญ
- 4,700 ล้านเหรียญ เป็นค่าจ้างในการพัฒนาพนักงาน เช่น ค่าจ้างฟรีแลนซ์ พนักงานสัญญาจ้าง เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ในปีเดียวกันนั้น เมื่อนำข้อมูลมาเปรียบเทียบกับการสำรวจธุรกิจระดับชาติของสิงคโปร์โดย Singapore Business Federation จะพบว่าเพียงร้อยละ 12 จาก 700 องค์กรเท่านั้นที่ลงทุนเพิ่มขึ้นในการพัฒนาบุคลากร
นาย David Black กรรมการบริหารบริษัท Blackbox research กล่าวว่า ตัวเลขที่น้อยขนาดนี้ส่งสัญญาณว่าผู้ประกอบการในสิงค์โปร์จำเป็นต้องมีการปรับตัวในเรื่องนี้ได้แล้ว
และหากเราอ่านรายงานจาก LinkedIn ประกอบด้วย จะพบว่าในสิงคโปร์นั้น พนักงานสองในห้าคนเลือกที่จะ ลาออกจากบริษัทเนื่องจากรู้สึกว่าพวกเขาไม่ได้รับการอบรมพัฒนาจากองค์กรมากเท่าที่ควร
นอกจากนี้ จากการสำรวจยังพบว่ามีพนักงานเพียงร้อยละ 17 เท่านั้นที่รู้สึกพอใจกับแผนพัฒนาบุคลากรขององค์กรของตนเอง
นอกจากเพื่อเป็นการรั้งพนักงานที่มีความสามารถไว้กับองค์กรแล้วนั้น การฝึกอบรมยังเป็นการพัฒนาขีดความสามารถของพนักงานในองค์กร ซึ่งสำคัญอย่างยิ่งในการทำให้องค์กรก้าวหน้าไปได้
สำหรับองค์กรที่สนใจจะริเริ่มการฝึกอบรมพนักงาน อาจพิจารณาจากหัวข้อดังต่อไปนี้ :
- เพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงานในการเป็นโค้ช พนักงานระดับผู้จัดการมักถูกประเมินผลงานทางธุรกิจเท่านั้น องค์กรควรมีการเพิ่มแรงจูงใจแก่พนักงานระดับ ผู้จัดการ ในการช่วยพัฒนาพนักงานในทีมที่ตนดูแล เพื่อที่จะช่วยให้องค์กรพัฒนาไปได้ โดยอาจเพิ่มแรงจูงใจในรูปแบบค่าตอบแทนเพิ่มเติม
- การเรียนรู้ หรือการฝึกอบรมที่ทันท่วงที ควรมีการปรับแต่งให้เนื้อหามีความเฉพาะเจาะจงต่อตำแหน่งและหน้าที่การรับผิดชอบของพนักงานให้มากขึ้น และลดการฝึกอบรมที่มีเนื้อหากว้างๆ สำหรับคนทั้งองค์กร
- พนักงานมีแผนการเรียนรู้สำหรับตนเอง องค์กรควรตระหนักว่าพนักงานแต่ละคนมีการเรียนรู้ที่ต่างกัน และควรช่วยเหลือพนักงานให้มีการเรียนรู้สิ่งต่างๆให้ได้มากที่สุด ตามระบบการเรียนรู้ของพนักงาน
- พนักงานมักมีงานล้นมืออยู่แล้ว ทำให้หาเวลาเข้ารับการฝึกอบรมได้ยาก ดังนั้น องค์กรควรปรับรูปแบบการฝึกอบรมให้สามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น เพื่อให้เกิดความสะดวกรวดเร็วในการเข้ารับการฝึกอบรมของพนักงาน
- ปรับเปลี่ยนวิธีการจัดอบรมให้เหมาะสมกับพนักงานแต่ละช่วงวัย ในองค์กรแต่ละแห่ง มักมีพนักงานหลากหลายช่วงอายุ ดังนั้นฝ่ายฝึกอบรมพนักงานควรเลือกใช้เครื่องมือ หรือวิธีการให้เหมาะแก่การเรียนรู้ของพนักงานตามแต่ละช่วงวัย เช่น พนักงานอายุน้อยมักเคยชินกับการใช้โทรศัพท์ หรือคอมพิวเตอร์ ดังนั้นพวกเขาจึงคาดหวังจะได้ใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการเรียนรู้เช่นกัน
พนักงานที่มีความสามารถ คือส่วนสำคัญต่อธุรกิจของท่าน ดังนั้นท่านควรกำหนดทิศทางและเลือกใช้วิธีการที่เหมาะสมในการพัฒนาบุคลากรของท่าน เช่นเดียวกับธุรกิจของท่านด้วย
โปรแกรม Alt Learning ของ People strong ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อตอบโจทย์ที่ว่ามาทั้งหมดนี้ โดยเรามีการพัฒนาโปรแกรมให้ผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้ง่ายและทันท่วงที อีกทั้งผู้เรียนยังสามาถเลือกรูปแบบการประเมินผลการเรียนรู้ได้ด้วยตัวเองอีกด้วย
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ Alt Learning ได้ที่นี่ https://www.peoplestrong.com/alt-learning/